วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

วัด และ วัตถุมงคล

การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเข้าสู่ประเทศไทย

พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่ดินแดนประเทศไทย เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๖ สมัยเดียวกันกับประเทศลังกา ด้วยการส่งพระสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศต่าง ๆ ๙ สาย โดยพระเจ้าอโศกมหาราช พระมหากษัตริย์อินเดีย ที่ทรงเป็นพุทธศาสนูปถัมภก ในขณะนั้นประเทศไทยรวมอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า สุวรรณภูมิ ซึ่งมีขอบเขตกว้างขวาง มีประเทศรวมกันอยู่ในดินแดนส่วนนี้ไม่น้อยกว่า ๗ ประเทศ ได้แก่ ไทย พม่า ศรีลังกา ญวน กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ซึ่งสันนิษฐานว่ามีใจกลางอยู่ที่จังหวัดนครปฐมของไทย เนื่องจากได้พบโบราณวัตถุที่สำคัญ เช่นพระปฐมเจดีย์ และรูปธรรมจักรกวางหมอบเป็นหลักฐานสำคัญ

พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่สุวรรณภูมิโดยพระโสณะและพระอุตตระ พระเถระชาวอินเดีย เดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนาในแถบนี้ จนเจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับ สำหรับเรื่องพระบรมสาริกธาตุได้มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี การบันทึกทางประวัติศาสตร์ ตามยุคสมัยต่อไปนี้

ยุคทวาราวดี

เราพบหลักฐานทางด้านโบราณคดีมากมายที่แสดงว่า อย่างน้อยพระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองมาแล้วตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๑ เป็นอย่างช้าโดยมีศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาอยู่ในแถบภาคกลาง โดยเฉพาะที่จังหวัดนครปฐม เราพบร่องรอยของสถูปโบราณ ทั้งที่บริเวณพระปฐมเจดีย์ จุลประโทนและนครชัยศรี นอกจากนี้พบที่คูบัว จังหวัดราชบุรี และที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนใหญ่ซากโบราณสถานเหล่านี้เป็นฐานสถูปที่สำคัญ และน่าจะเป็นสถูปที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุตามแบบสถูปในลัทธิเถรวาท แต่ไม่อาจกล่าวได้อย่างแน่ชัด เพราะยังไม่พบจารึกที่กล่าวถึงการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในพุทธศตวรรษที่ ๑๑ ๑๕ หรือสมัยทวาราวดี แต่ได้พบผอบบรรจุพระบรมธาตุ จากการขุดค้นที่คูบัว จังหวัดราชบุรี

ยุคสุโขทัย

อย่างไรก็ดี มีการพบจารึกที่พรรนาเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุหลายครั้งในสมัยสุโขทัย ตั้งแต่รัชกาลพ่อขุนรามคำแหงดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ซึ่งจารึกขึ้นในราว พ.ศ. ๑๘๓๕ มีการกล่าวถึง พ่อขุนรามคำแหง ทรงช้างเผือกชื่อรูจาศรี ไปนบพระที่อรัญญิกและพระศรีรัตนธาตุ พระศรีรัตนธาตุหรือพระมหาธาตุมักจะเป็นคำเรียกสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและน่าจะกล่าวได้ว่า ในสมัยสุโขทัยถือว่าพระมหาธาตุในแต่ละเมืองคือ หลักเมืองของแต่ละเมืองนั่นเอง

จากศิลาจารึกหลักที่ ๑ ด้านที่ ๔ กล่าวว่าในมหาศักราช ๑๒๐๗ พ่อขุนรามคำแหง ได้ขุดเอาพระธาตุออกให้คนทั้งหลายได้เห็นและกระทำบูชาแก่พระธาตุได้ ๖ วัน จึงเอาลงฝังในกลางเมืองศรีสัชชนาลัย ก่อพระเจดีย์เหนือ ( ครอบไว้ ) ๖ ปี จึงสร้างเสร็จ ซึ่งจากข้อความในจารึกนี้ แสดงให้เห็นว่าสมัยนั้นมีความศรัทธาต่อพระบรมสารีริกธาตุเป็นอย่างยิ่งเพราะเปรียบประดุจองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีเดียว

ต่อมาในมหาศักราช ๑๒๗๙ พระยาลือไทยราชพระโอรสพระยาเลอไทยและเป็นพระนัดดาพ่อขุนรามคำแหง เมื่อเสวยราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระยาศรีสุริยพงศ์มหาธรรมราชาธิราช พระองค์ทรงอัญเชิญพระมหาธาตุจากลังกา มาประดิษฐานสถาปนาในเมืองนครชุม พร้อมทั้งทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์

นอกจากนี้จากศิลาจารึกวัดศรีชุม ซึ่งจารึกประมาณ พ.ศ. ๑๘๘๔
๑๙๑๐ ในด้านที่ ๑ ได้กล่าวถึง สมเด็จพรมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามณีศรีรัตนลงกาทีปมหาสามีเป็นเจ้าประสูติในนครสรลวงสองแคว โอรสพ่อขุนผาเมือง พระอัยกาคือ พ่อขุนศรีนาวนำถม ได้ประดิษฐานพระศรีรัตนมหาธาตุใกล้ฝั่งน้ำ ในนครสุโขทัย ก่อพระทันตธาตุ ซึ่งพระทันตธาตุ แสดงปฏิหาริย์ ๓ เดือน ก่อให้เกิดเป็นอัศจรรย์ การสร้างพระมหาธาตุนั้นก็กล่าว สร้างสูง ๙๕ วา ครอบทับเหนือที่ประดิษฐานพระธาตุหลวง ไม้ที่สร้างนั้นมีขนาดใหญ่ ๒
๓ คนโอบแล้วก่ออิฐถือปูนสูง ๗ วา รวมความสูงเป็น ๑๐๒ วา

อนึ่ง ทางล้านนาก็พบว่ามีจารึกแสดงปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุเช่นกัน ดังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระยืน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งจารึก พ.ศ. ๑๙๑๓ ในด้านที่ ๒ กล่าวว่า ศักราช ๗๓๑ พญาธรรมิกราชทรงสรงพระธาตุ และบูชาด้วยเครื่องบูชาพิเศษหลายอย่าง จนครบ ๓ วัน แล้วพระธาตุได้แสดงปาฏิหาริย์เวียนไปมาในสุพรรณภาชน์ ( ขันทองคำ ) และเปล่งรัศมีสกาว

จากจารึกวัดช้างล้อม อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย จารึก พ.ศ. ๑๙๒๗ ด้านที่ ๒ กล่าวถึง สมเด็จพระมหาธรรมราชา เมื่อทรงสร้างพระพุทธรูปศิลาก็ไดทอดพระเนตรเห็นพระศรีรัตนธาตุกระทำปาฏิหาริย์ สว่างดังลวดเงินเห็นเป็นขดขนาดใหญ่เท่าสื่อสาด เหนือกลางหาวงามนักหนาและพระยาศรีเทพาหูราชก็เห็นพระศรีรัตนธาตุกระทำปาฏิหาริย์พุ่งออกมาขนาดเท่าลูกพันลับลูกพุทธรักษา มีลักษณะใสดังผลึกรัตนแก้วเขียว ตรงกลางเห็นเป็นแก้วสีเขียว

อย่างไรก็ดีปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุมีปรากฏในสมัยอยุธยาอีกด้วย ดังข้อความในพระราชพงศาวดารในรัชกาลพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ทรงทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ทหารปักหลักไว้ตรงที่บรมสารีริกธาตุปรากฏแล้วทรงสถาปนา ( สร้าง ) วัดมหาธาตุขึ้น พ.ศ ๑๙๑๗

ขอขอบคุณhttp://www.agalico.com/board/archive/index.php?f-50.html 50.html

มอบลูกแก้วพญานาคแด่ผู้ร่วมบุญโครงการวัชรธาตุ


มอบพลอยพญานาคหลากสัญฐานแด่ผู้ร่วมบุญกับกลุ่มวัชรธาตุ


วัตถุมงคลเหล่านี้คืออะไรรายละเอียดเพิ่มเติมหาดูได้ที่ ...................http://www.watcharathath.com/index.php

1 ความคิดเห็น:

POKKIE กล่าวว่า...

เดี๋ยวนี้มีวัดที่ไปได้บ่อยๆ ทางอินเตอร์เน็ต ตัวข้าพเจ้าเองไม่สามารถไปทำบุญที่ไหนได้สะดวก หนทางศึกษาธรรมะ จะด้วยนับถือพุทธ หรือความสนใจในศาสนาก็ตาม การศึกษาธรรมะย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอ และควรหาเวลาผ่อนคลายความยุ่งเหยิงทางโลก ให้เบาบางลงด้วยธรรมะ แค่หน้าเว็บไซท์ของวัดแห่งนี้ ก็ทำให้จิตใจของข้าพเจ้าเย็นลงได้มากมาย ด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ชโลมจิตใจให้สดชื่นตลอดไป
อยากให้ทุกคนที่ได้ผ่านเข้ามาถึงตรงนี้...ลองปฏิบัติธรรมดูบ้าง เริ่มที่ตัวเองก่อน แล้วเผื่อแผ่ไปยังผู้อื่น
ข้าพเจ้าขอ อนุโมทนา ให้กับท่านด้วย
แม่ไก่เอ้ก....